หลังฝนตก ถ้าโชคดีเราจะเห็นรุ้งกินน้ำโค้งตามขอบฟ้า
ซึ่งปรากฎการณ์เช่นนี้นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศษ
ได้อธิบายไว้ว่าเมื่อแสงตกกระทบกับหยดน้ำ จะทำให้แสงเกิดการหักเหหรือโค้งงอ แสงที่ผ่านออกมาทาง ด้านหลังของหยดน้ำก็จะเกิดการหักเหที่มากกว่าเดิม ส่วนต่างมุมที่แสงตกกระทบและผ่านออกไปมีค่าเฉลี่ยประมาณ 42 องศา โดยที่แสงแต่ละสีจะมีการโค้งงอหรือเบี่ยงเบนต่างกันจึงเป็นเหตุให้สามารถเห็นแถบสีรุ้ง
ได้อธิบายไว้ว่าเมื่อแสงตกกระทบกับหยดน้ำ จะทำให้แสงเกิดการหักเหหรือโค้งงอ แสงที่ผ่านออกมาทาง ด้านหลังของหยดน้ำก็จะเกิดการหักเหที่มากกว่าเดิม ส่วนต่างมุมที่แสงตกกระทบและผ่านออกไปมีค่าเฉลี่ยประมาณ 42 องศา โดยที่แสงแต่ละสีจะมีการโค้งงอหรือเบี่ยงเบนต่างกันจึงเป็นเหตุให้สามารถเห็นแถบสีรุ้ง
สำหรับรุ้งกินน้ำที่เห็นบนท้องฟ้านั้น เกิดจากแสงอาทิตย์ตกกระทบละอองน้ำฝนจำนวนมากนับล้านๆ หยดและผ่านออกมาด้วยค่ามุมเฉลี่ย 42 องศา หากคนสองคนยืนอยู่ในตำแหน่งต่างกันประมาณ 2-3 ฟุต จะเห็นรุ้งกินน้ำขึ้นในตำแหน่งเดียวกัน แต่รุ้งกินน้ำที่ทั้งสองเห็นนั้นจะไม่ใช่รุ้งกินน้ำเส้นเดียวกัน เพราะรุ้งกินน้ำจะเกิดจากละอองน้ำฝนที่อยู่ต่างตำแหน่งกันนั้นเอง
ส่วนสาเหตุที่รุ้งกินน้ำโค้ง โดยที่ไม่เป็นเส้นตรงหรือรูปร่างอื่นๆ นั้น ก็เนื่องมาจากละอองน้ำฝนหลายๆ ละอองนั้นทำให้แสงเปลี่ยนทิศทางต่างกัน
ส่วนสาเหตุที่รุ้งกินน้ำโค้ง โดยที่ไม่เป็นเส้นตรงหรือรูปร่างอื่นๆ นั้น ก็เนื่องมาจากละอองน้ำฝนหลายๆ ละอองนั้นทำให้แสงเปลี่ยนทิศทางต่างกัน
คือมีทั้งที่โค้งขึ้นเป็นมุม 42 องศา และโค้งลงเป็นมุม 42 องศา และโค้งออกมาทางด้านข้างของละอองน้ำ แต่คนเราจะเห็นเพียงแสงสีรุ้งที่โค้งขึ้นมากกว่า 42 องศาเท่านึ้น
ซึ่งเป็นสาเหตุของการเห็นเส้นรุ้งเป็นรูปโค้งนั้นเอง...